วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ประวัติ โปเกม่อน

ประวัติโปเกมอน

8PAGES ON
THIS WIKI
 Talk0

บทนำEdit

ยุคนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีเด็กคนไหน(ผู้ใหญ่ก็ด้วย)ไม่เคยได้ยินชื่อสัตว์ประหลาดตัวใดตัวหนึ่งใน300 กว่าตัว ที่อาจจะรู้จักจากซีรีย์วิดีโอเกมสุดฮิต การ์ตูนแอนิเมชั่น การ์ดเกม(Trading Card Game) ตุ๊กตุ่นตามท้องตลาด หรือแม้แต่ของแถมกระจุกกระจิกที่แถมมากับซองขนมยี่ห้อต่างๆ ในนาม “โปเกมอน” Pokémon หรือ Pocket Monster ถูกคิดขึ้นโดยนายซาโตชิ ทาจิริ (Satoshi Tajiri) เป็นคำเรียกสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลกโปเกมอน โดยอาจเป็นเพื่อนหรือสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ที่เป็นเจ้าของที่เรียกว่า “โปเกมอนเทรนเนอร์” (Pokemon Trainer) เป็นผู้ฝึกให้โปเกมอนของตนต่อสู้ประลองฝีมือกับโปเกมอนของเทรนเนอร์คนอื่น
นักเขียนโปรแกรมเกมชาวโตเกียวผู้นี้สร้างโปเกมอนขึ้นจากประสบการณ์วัยเด็กของเขาที่ชอบสะสมแมลงไว้ในขวดโหล และหวังให้มันสามารถต่อสู้กันได้เหมือนสัตว์ประหลาดในภาพยนตร์ไซไฟที่เขาชื่นชอบ
ทาจิริได้รู้จักกับเกมบอยเป็นครั้งแรกในปี 1เมื่อได้เห็นการเชื่อมต่อระหว่างเกมบอยสองเครื่อง เขาจึงเกิดความคิดการแลกเปลี่ยนแมลงที่สะสมผ่านสายเคเบิล และพัฒนาให้เก่งขึ้นได้ ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของโปเกมอน เขาจึงเริ่มสร้างเกมโปเกมอนด้วยเงินทุนและความช่วยเหลือด้านแนวคิดจาก Creatures Game Studio กลุ่มพัฒนาเกมของเขามีชื่อว่า Game Freak ตามชื่อนิตยสารเกมที่เขาและเพื่อนเป็นผู้ก่อตั้ง
หลังจากนั้นทาจิริได้พยายามเสนอแนวความคิดเกี่ยวกับโปเกมอน(ในขณะนั้นเขาเรียกมันว่า Capsule Monsters และยังเคยถูกวาดเป็นหนังสือการ์ตูนในปี1 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมานินเทนโดเปลี่ยนชื่อเป็น Pocket Monster ก่อนหน้าเกมภาคแรกออกไม่นาน) กับนินเทนโดอยู่หลายครั้ง ด้วยความช่วยเหลือของนายชิเงรุ มิยาโมโต(Shigeru Miyamoto) เพื่อนใหม่ของเขา อัจฉริยะผู้อยู่เบื้องหลังเกมดัง เช่น Mario, The Legend of Zelda, Pikmin และ Donkey Kong ในที่สุดโครงการนี้ก็ได้รับการอนุมัติ ซึ่งต่อมาชื่อของเขาและทาจิริได้กลายมาเป็นชื่อตัวละครหลักในเนื้อเรื่องเกม (คือ Ash และ Gary ในภาคอังกฤษนั่นเอง)
เมื่อทาจิริคิดค้นโปเกมอนสำเร็จในปี 1โดยใช้เวลาถึง 1 ปี เกมโปเกมอนได้ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรก ทั้งที่ในขณะนั้นเขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเกมนี้มากนัก เพราะเกมบอยได้กลายเป็นสิ่งที่เริ่มล้าสมัยไปแล้ว แต่ทันทีที่ออกวางจำหน่าย เกมนี้ก็เป็นที่คลั่งไคล้ไปทั่วญี่ปุ่นและทั่วโลกทันทีจนถึงปัจจุบัน แม้จะถูกตำหนิในด้านกราฟฟิกบ้าง แต่ก็ได้รับการแก้ไขเมื่อวางจำหน่ายในอเมริกา
ความโด่งดังของเกมทำให้โปเกมอนถูกสร้างเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นในเดือนเมษายน ปี1 และการ์ดเกม ซึ่งประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน โดยยอดขายการ์ดเกมสูงถึง 13,000 ล้านแผ่นทั่วโลก โดยเป็นยอดจำหน่ายในญี่ปุ่นประมาณ 3,000 ล้านแผ่น และในยุโรป และอเมริกาเหนืออีก 10,000 ล้านแผ่น ส่วนการ์ตูนแอนิเมชั่นได้รับการออกฉายใน68ประเทศทั่วโลก และภาพยนตร์การ์ตูนฉายในโรง46ประเทศ
กระแสความคลั่งไคล้โปเกมอนได้แพร่ไปถึงอเมริกาในปี 1998 หลังการเปิดตัวของเกม Pokemon Red และ Pokemon Blue เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ การ์ตูนแอนิเมชั่นโดย Warner Brothers และการ์ดเกมโปเกมอนภาษาอังกฤษ โปเกมอนเป็นการ์ตูนเคเบิลทีวีของ Kids Warner Brothers ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ1 จากเด็กอายุ2-11ปี ในปี2001 นอกจากนี้Warner Brothers ยังได้ทำภาพยนตร์การ์ตูนโปเกมอนออกฉายเป็นครั้งแรกที่อเมริกาเหนือในปี1999 โดยใช้ชื่อว่า “Pokemon: The First Movie” หรือ “Pokemon The Movie: Mewtwo Strikes Back”

ทำไมโปเกมอนถึงเป็นที่คลั่งไคล้ของคนทั่วโลกขนาดนี้?Edit

ข้อความตอนหนึ่งจากหนังสือ “Psy-Q เชิงอรรถจิตวิทยา” เขียนโดย กิติกร มีทรัพย์, ส.สีมา สำนักพิมพ์มติชน หน้า 82 กล่าวว่า
  • ทำไมโปเกมอนจึง “โดนใจ” เด็กๆ ถึงขั้นมาเนีย-คลั่งไคล้ปานนี้ คำตอบในมุมทางจิตวิทยาก็น่าจะเป็นเพราะ โปเกมอนสตอรี่สอดคล้องกับพัฒนาการเด็ก ในมิติของความเป็นเจ้าของซึ่งเสมือนเป็นของเล่นหรือสมบัติอะไรสักอย่างที่พวกเขาจัดการ(master)มันได้เต็มที่ ขณะเดียวกัน ของเล่นหรือสมบัติเหล่านั้นมันแปลกตาตื่นใจในเชิงชวนทะลึ่ง ก้าวร้าวของเด็กๆทุกคนอันเป็นธรรมชาติ มีมากมีน้อยแตกต่างกันไปเท่านั้น ภาษาจิตวิทยาเรียกว่า แฟดดิซึ่ม (faddism) เด็กคนใดไม่มีแฟดดิซึ่ม ย่อมเป็นเด็กไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเด็กช่วงวัย 5-11 ปี และบางคนอาจติดตามยึดโยงไปถึงช่วงวัยรุ่นบ้างก็ไม่เป็นไร
ข้อความตอนหนึ่งจากบทความ "เปิดกรณีศึกษา โปเกมอน : ต้นแบบความสำเร็จการ์ตูนเอเชียในตลาดโลก" กล่าวว่า
  • นายมาซากาซึ คูโบ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และทีวีชุดนี้ เล่าให้ฟังว่า ที่มาของโปเกมอน มีลักษณะพิเศษเมื่อเทียบกับแอนิเมชั่นหลายๆ เรื่อง ก็คือ กำเนิดของโปเกมอน เริ่มมาจากเกม หลังจากนั้น ก็ได้รับความนิยมจนมีการพัฒนาเป็นหนังสือการ์ตูน (หรือแมนก้า ในภาษาญี่ปุ่น) และมาสู่ภาพยนตร์แอนิเมชั่นตามลำดับ จนปัจจุบันภาพยนตร์ชุดทางทีวีเรื่องนี้ ติดตำแหน่ง 1 ใน 15 อันดับแรกของภาพยนตร์การ์ตูนชุดทางทีวี ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในญี่ปุ่น"
  • "ขณะเดียวกัน แอนิเมชั่นเรื่องนี้ ยังถือเป็น สูตรผสม ที่ลงตัวของกลยุทธ์การทำตลาด ซึ่งผสมผสานกันแบบครบวงจรผ่านตัวผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. แอนิเมชั่น 2. การ์ดเกม และ 3. เกม โดยทุกส่วนผสมก็สอดรับซึ่งกันและกัน ซึ่งทำให้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง....ขณะเดียวกัน โปเกมอนก็ยังเป็นเกมที่มีวิวัฒนาการตลอดเวลา และยังมีตัวแสดงมากกว่า 370 ตัว ซึ่งความหลากหลายตรงนี้เอง ที่ทำให้เขาเชื่อว่า ต้องมีสักตัวที่ถูกใจใครสักคน
  • ด้วยเนื้อหาที่ไม่มีความรุนแรง ส่งเสริมความร่วมมือกันในทีม และมีหลักเกณฑ์ที่ตรงไปตรงมา โปเกมอนจึงยังคงได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัยทั่วโลก แม้เดิมทีเกมนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อเด็กผู้ชาย แต่ความนิยมก็แพร่ไปในในหมู่เด็กผู้หญิงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
  • 24 เดือนแรกที่เกมโปเกมอนวางจำหน่ายในอเมริกา รวมยอดจำหน่ายทั้งจากคอนโซล Gameboy Color และ Nintendo64 ทั้งหมด 20ล้านตลับ
  • โปเกมอนติด10อันดับวิดีโอเกมขายดีสูงสุดในปี 2000 ถึง6ภาค
  • เดือนกุมภาพันธ์ปี 2000 เกมโปเกมอนทั้ง12ภาคมียอดจำหน่ายในอเมริกาเกือบ27ล้านตลับ และยอดจำหน่ายทั่วโลกกว่า 74 ล้านตลับ

1 ความคิดเห็น: